ในปี 2025 TikTok ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ทรงพลังสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่
โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ที่รวดเร็ว เปลี่ยนไว และคาดหวังความเป็นธรรมชาติและครีเอทีฟมากกว่าการขายตรง
ด้วยฟีเจอร์โฆษณาใหม่ๆ และเครื่องมือ AI ที่ TikTok พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้แบรนด์สร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ตรงกลุ่ม วัดผลได้แม่นยำ และใช้เวลา/ทรัพยากรน้อยลง ทำให้นักการตลาดยุคนี้ควรตามให้ทันและลองใช้จริง เพื่อไม่ให้ตกขบวน
ฟีเจอร์โฆษณาใหม่ของ TikTok ที่ไม่ควรมองข้ามในปี 2025
1. สร้างคอนเทนต์ด้วย AI Symphony Creative Studios
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ใช้ AI สร้างวิดีโอโฆษณาแบบอัตโนมัติ จากคำอธิบายผลิตภัณฑ์ แถมยังเลือกเสียงพากย์หลายภาษา หรืออวาตาร์ AI ได้ด้วย เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการลดเวลาและต้นทุนการผลิต
วิธีใช้งาน
- เข้าผ่าน TikTok Ads Manager > Symphony
- พิมพ์คำอธิบายสินค้า
- เลือกสไตล์วิดีโอ / อวาตาร์ AI / เสียงพากย์
เหมาะกับ: แบรนด์ SME ที่ไม่มีทีมโปรดักชัน หรือแบรนด์ที่ต้องการ scale คอนเทนต์แบบรวดเร็ว
ตัวอย่าง: แบรนด์สกินแคร์ไทยสร้างรีวิวสินค้าแบบ AI Avatar พูดภาษาไทย มีเสียงพากย์หวานๆ และซับภาษาอังกฤษเพื่อเข้าถึงผู้ชมต่างประเทศด้วย
2. โฆษณาสินค้าแบบอัตโนมัติ Smart+ Catalog Ads
ระบบจะดึงข้อมูลจากแคตตาล็อกสินค้าและสร้าง Ads ที่เหมาะกับผู้ชมแต่ละคน โดยอิงจากพฤติกรรมการดู-คลิก
วิธีใช้งาน
- อัปโหลดแคตตาล็อกสินค้า (รูป/ชื่อ/ราคา/ลิงก์ซื้อ)
- ตั้งค่าการยิงแบบ Smart+ Ads
เหมาะกับ: แบรนด์อีคอมเมิร์ซที่มีสินค้าหลากหลาย เช่น แฟชั่น / gadget / เครื่องใช้ไฟฟ้า
ตัวอย่าง: ร้านแฟชั่นออนไลน์ในไทยยิงแคตตาล็อกเสื้อผ้าแบบ Smart+ ให้คนที่เคยดูสินค้าแนวคล้ายกันใน TikTok เห็นสินค้าที่น่าจะชอบแบบ auto
3. เพิ่มยอดขายผ่าน TikTok Shop
ระบบนี้ใช้ Machine Learning เพื่อหาว่าโฆษณาแบบไหนควรดันให้ใครเห็น เพื่อเพิ่มยอด GMV (Gross Merchandise Value) โดยเฉพาะบน TikTok Shop
วิธีใช้งาน
- ต้องเป็นผู้ขายใน TikTok Shop ก่อน
- ตั้งค่าระบบ GMV Max ภายใน Ads Manager
เหมาะกับ: ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขายแบบ performance-driven บน TikTok Shop
ตัวอย่าง: ร้านขายวิตามินเด็ก ใช้ GMV Max เพื่อยิงโฆษณาโปรโมตสินค้าพร้อมส่วนลดให้กับกลุ่มแม่ๆ ที่เคยดูคอนเทนต์สุขภาพเด็ก
4. อินฟลูเอนเซอร์ AI
TikTok กำลังพัฒนา AI Creator ซึ่งเป็นเหมือน virtual influencer ที่แบรนด์สามารถ customize ได้เองทุกอย่าง ทั้งหน้าตา น้ำเสียง สไตล์การพูด เหมาะกับแบรนด์ที่อยากสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมายแบบแม่น แต่ควบคุม narrative ได้เต็มที่
เหมาะกับ: แบรนด์ที่ต้องการ influencer แต่ไม่อยากเสี่ยงกับตัวตนของคนจริง เช่น สินค้าเด็ก / ความงาม / การเงิน
ตัวอย่าง: แบรนด์ประกันชีวิตใช้ AI Creator ที่พูดอย่างใจเย็น น่าเชื่อถือ เพื่อสื่อสารเรื่องความมั่นคงกับกลุ่มอายุ 30+ โดยไม่ต้องจ้างคนจริง
แนวโน้ม TikTok Marketing ปี 2025 ที่ควรรู้
1. การใช้ AI สร้างคอนเทนต์ เร็วกว่า คุ้มกว่า
ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์อีกต่อไป แบรนด์สามารถให้ AI ช่วยร่างสคริปต์ ทำวิดีโอ หรือเลือก format ที่น่าจะเวิร์กที่สุด
หนึ่งในพัฒนาการสำคัญของ TikTok ในปี 2025 คือการผลักดันการใช้ AI มาช่วย “เร่งการสร้างคอนเทนต์” โดยเฉพาะในฝั่ง Creative ที่มักจะเป็นคอขวดของการทำแคมเปญโฆษณา
แพลตฟอร์มอย่าง Symphony Creative Studio ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างวิดีโอโฆษณาได้ภายในไม่กี่นาที โดยใส่เพียงข้อมูลสินค้า คำบรรยาย และเลือกรูปแบบภาพ/เสียงที่ต้องการ ระบบจะสร้างวิดีโอแบบมี AI Avatar พูดหลายภาษาได้ทันที
ทำไมแบรนด์ควรใช้ AI สร้างคอนเทนต์ตั้งแต่ตอนนี้?
-
เร็วกว่า จากเดิมที่ต้องรอทีมถ่าย ตัดต่อ เขียนบท อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ → AI ทำเสร็จภายในไม่ถึงชั่วโมง
-
คุ้มกว่า ลดต้นทุนค่าถ่ายทำ ทีมโปรดักชัน ค่าอินฟลูเอนเซอร์
-
ปรับเปลี่ยนได้ตลอด อยากแก้คำพูด เปลี่ยนภาษา เปลี่ยน mood–tone แก้ในระบบได้ทันที
-
ขยายตลาดได้เร็วขึ้น อยากลงโฆษณาหลายภาษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ทำคลิปได้หลายเวอร์ชันพร้อมกัน
เคล็ดลับการใช้ AI ให้ได้ผลกับคอนเทนต์บน TikTok
-
ใช้ ภาษาธรรมชาติ ที่คล้ายมนุษย์พูดจริง ไม่เขียนเป็นบทโฆษณาแข็งๆ
-
เลือก Avatar และเสียงที่ “ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย” เช่น แม่วัยทำงาน หรือวัยรุ่น
-
อย่าใช้ AI เป็นทุกอย่าง แต่ใช้เพื่อ “ลดขั้นตอน” แล้วให้ทีมปรับแต่งเพื่อความเป็นมนุษย์
AI ช่วยเปลี่ยนกระบวนการผลิตคอนเทนต์จาก ทีมใหญ่หลายวัน → เป็นงานเล็กภายในไม่กี่ชั่วโมง
ไม่ใช่แค่เร็วขึ้น แต่ทำให้แบรนด์ ลงคอนเทนต์ได้บ่อยขึ้น ทดสอบได้เร็วขึ้น และขยายตลาดได้ง่ายขึ้นแบบไม่ต้องเพิ่มทีม
2. ร่วมมือกับ Micro-influencer แบบเฉพาะทาง
แบรนด์ที่อยากได้ “ความจริงใจ” มากกว่า “ความดัง” เริ่มหันไปร่วมมือกับ micro-influencer ที่พูดกับกลุ่มเป้าหมายแบบตรงๆ และเน้น conversion มากกว่าฟอลเยอะๆ
แม้จะไม่ได้มียอด Follower หลักแสนหลักล้าน แต่ Micro-influencer กลุ่มเฉพาะทาง (Niche Creator) กลับมีพลังสูงมากในการ “เปลี่ยนใจคนดูให้กลายเป็นลูกค้า” ได้จริง โดยเฉพาะบน TikTok ที่ความใกล้ชิดและความน่าเชื่อถือ สำคัญกว่าความดัง
ทำไม Micro-influencer ถึงสำคัญขึ้นในปีนี้?
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงจุด คนตามเขา เพราะชอบเรื่องเฉพาะทาง เช่น แม่บ้านสายสุขภาพ คนทำอาหารคลีน ครูสอนลูกพูดอังกฤษ ฯลฯ
- ดูน่าเชื่อถือกว่า KOL ใหญ่ เพราะการแนะนำดู “เหมือนเพื่อนบอกต่อ” ไม่รู้สึกว่าโดนขาย
- งบไม่แรง แต่ ROI สูง ลงทุนหลักพัน–หมื่น ก็สามารถได้เนื้อหาที่มี Conversion ได้จริง
- เหมาะกับ TikTok มาก เพราะคนดูแพลตฟอร์มนี้ต้องการเนื้อหาที่ Real ไม่เฟค ไม่เว่อร์
วิธีเลือก Micro-influencer แบบแม่นยำ
- ดู Content ไม่ใช่แค่ยอด
– เน้น Creator ที่ “เข้าใจปัญหาคนดู” และมีความรู้เฉพาะทาง เช่น ขายวิตามินเด็ก → หาแม่ๆ ที่เคยแชร์ปัญหาเรื่องลูกไม่ยอมกินข้าว ไม่ใช่แค่คนรีวิวสินค้า
- วิเคราะห์การมีส่วนร่วม (Engagement)
– ดูยอดคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ยอดไลก์ลอยๆ
– ถ้าคนถาม–ตอบใต้คลิป แสดงว่าเชื่อใจ = โอกาสซื้อสูง
- ลองทดสอบกับกลุ่มเล็กก่อน
– ไม่ต้องจ้างทีเดียว 10 คน → ลองกับ 2–3 Creator ที่เนื้อหาตรง แล้ววัดผลว่าใครพา Conversion มาได้จริง
ตัวอย่างสำหรับตลาดไทย
แบรนด์เสริมพัฒนาการเด็ก
- เลือก TikTok Creator ที่เป็น “คุณแม่ลูกวัย 3–5 ขวบ” ที่แชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูก ไม่ได้ดังแต่คนตามเพราะเชื่อใจ
- ให้ทดลองเรียนคอร์สฟรี 1 ครั้ง แล้วเล่ารีวิวในสไตล์ตัวเอง → คนดูรู้สึกว่า “นี่ไม่ใช่โฆษณา”
- ได้ยอดลงทะเบียนจริงจากคนที่ดูคลิปภายใน 48 ชม.
ให้สิทธิพิเศษ + ติด UTM วัดผล
- ให้ Creator แจกโค้ดส่วนลดเฉพาะของตัวเอง เช่น “ใช้โค้ด MOMME50 ลด 50 บาท”
- ติดลิงก์แบบ UTM แยกตาม Creator ดูยอดคลิกและยอดซื้อกลับมาได้เลยว่าใครเวิร์กจริง
Tips
-
Micro-influencer ใน TikTok ไม่ใช่ตัวเลือกสำรอง แต่เป็นกลุ่ม “พลังเงียบ” ที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ
-
เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
-
ทำให้คนรู้สึกว่า “เพื่อนแนะนำ” ไม่ใช่ “แบรนด์ขาย”
-
ใช้งบไม่เยอะ แต่ได้ผลที่แม่นยำกว่าการยิงแอดอย่างเดียว
3. เนื้อหาที่สอดคล้องกับค่านิยมใหม่ของผู้บริโภค
สุขภาพจิต ความยั่งยืน ความเท่าเทียม — คำพวกนี้ไม่ใช่ buzzword แต่คือสิ่งที่คนดูใน TikTok อยากเห็นจากแบรนด์จริงๆ
ในปี 2025 พฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ไม่ได้เปลี่ยนแค่ “ช่องทาง” ที่เสพคอนเทนต์
แต่เปลี่ยนไปถึง “คุณค่าที่เขาเชื่อ” และ “สิ่งที่เขาอยากสนับสนุน”
การตลาดยุคนี้จึงไม่ได้แข่งกันแค่เรื่องราคา หรือใครทำโฆษณาสวยกว่า
แต่คือใครที่ “พูดกับใจ” ของผู้ชมได้มากกว่า
แล้วค่านิยมใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมีอะไรบ้าง?
ความยั่งยืน (Sustainability)
ผู้บริโภค Gen Z และ Millennials สนใจแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ สินค้าที่ไม่ทดลองกับสัตว์ หรือกระบวนการผลิตที่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์
ความหลากหลายและเท่าเทียม (Diversity & Inclusion)
คนรุ่นใหม่อยากเห็นความหลากหลายในโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นเพศ สีผิว รูปร่าง ความเชื่อ หรือภูมิหลัง พวกเขาสนับสนุนแบรนด์ที่กล้าพูดเรื่องนี้ และไม่ทำให้ใครรู้สึก “ถูกกีดกัน”
สุขภาพกายใจ (Mental & Physical Wellbeing)
เนื้อหาที่พูดถึงความเครียด การจัดการเวลา ความสมดุลชีวิต-งาน หรือการใส่ใจตัวเอง เป็นสิ่งที่ resonate มากกับคนยุคนี้
ตัวอย่างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ค่านิยมเหล่านี้
แทนที่จะพูดว่า
❌ “ครีมทาผิวที่ทำให้ขาวขึ้นใน 7 วัน”
ให้พูดว่า
✅ “ครีมที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น โดยไม่ต้องปรับสีผิวตามใคร”
✅ “เราเชื่อว่าไม่ว่าผิวแบบไหนก็สวยในแบบของตัวเอง”
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญกับแบรนด์บน TikTok?
TikTok เป็นพื้นที่ที่ “ความจริงใจ” มีค่ากว่า “ความเนี้ยบ”
ถ้าคุณพยายามจะขายแบบ hard sell หรือดู fake ผู้ชมจะรู้ทันและเลื่อนผ่าน
แต่ถ้าแบรนด์คุณ พูดในภาษาที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ชมเชื่ออยู่แล้ว เช่น self-care หรือ body positivity
คอนเทนต์นั้นจะ ไม่ใช่แค่ถูกดู แต่ถูกแชร์ ถูกพูดถึง และถูกจดจำ
Tips
-
สำรวจว่ากลุ่มเป้าหมายคุณให้คุณค่ากับเรื่องอะไร ผ่านคอมเมนต์ รีวิว หรือครีเอเตอร์ที่เขาตาม
-
อย่ากลัวที่จะพูดถึงประเด็นเชิงสังคม (อย่างจริงใจ) เพราะลูกค้ารุ่นใหม่อยากรู้ว่า “แบรนด์นี้เชื่ออะไร”
-
ถ้าแบรนด์คุณมีความดีอยู่แล้ว (e.g. ไม่ทดลองในสัตว์ สนับสนุน local community) ให้เล่าเรื่องนั้นออกมา
แบรนด์ที่พูดถึงคุณค่าเดียวกับผู้ชม จะได้ใจมากกว่าการลดราคา
และในยุคที่ “ความรู้สึกต่อแบรนด์” สำคัญพอๆ กับคุณภาพสินค้า
เนื้อหาที่สอดคล้องกับค่านิยมผู้บริโภค = คอนเทนต์ที่อยู่ในใจเขานานกว่าการยิง Ads ซ้ำๆ
ปิดท้าย
TikTok ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น
แต่คือ ecosystem การตลาดใหม่ที่ใช้ AI และ real-time behavior data
มาสร้างโอกาสทางธุรกิจได้แบบที่แพลตฟอร์มอื่นยังตามไม่ทัน
ถ้าคุณอยู่ในสายงานการตลาดที่อยาก scale ผลลัพธ์จาก TikTok
อย่ารอให้เทรนด์ผ่านไปก่อน ลองใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ตั้งแต่วันนี้
แล้วคุณจะรู้ว่า “TikTok Ads” ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แถมคุ้มค่ายิ่งกว่าที่เคย