8 ขั้นตอนทำ Content Marketing ให้ได้ผลจริง (ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็เริ่มได้)

เริ่มทําคอนเทนต์แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน?

หลายคนคิดว่า Content marketing ต้องมีทีม ต้องเขียนเก่ง ต้องมีกราฟฟิคสวย หรือเข้าใจเทคนิตการยิง แอด

แต่ความจริงคือ แค่คุณเข้าใจคนดูของคุณ และสื่อสารให้ตรงใจ ก็เพียงพอแล้วสําหรับการเริ่มต้นที่ดี ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของแบรนด์เล็กๆ หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากทําเพจให้มีคนติดตาม คุณก็เริ่มทํา Content marketing ได้เลยตั้งแต่ตอนนี้

บทความนี้จะพาคุณไล่ทีละขั้นตอน ตั้งแต่คิดยังไงไปจนถึงลงมือยังไงให้เห็นผลแบบไม่ต้องมีพื้นฐานเยอะ


Content marketing คืออะไร?

Content marketing ไม่ใช่การขาย แต่คือการ ช่วยและ สร้างความไว้ใจให้คนอ่าน

Content marketing หมายถึงการครีเอทและเผยแพร่คอนเท้นต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ น่าสนใจ และตรง กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงดูด สร้างความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นให้เกิด action เช่น สมัครเรียน กรอกฟอร์ม หรือ ซื้อสินค้า นั่นเอง

ลองใช้ 8 ขั้นตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้น แล้วคุณจะเห็นว่าการตลาดด้วยคอนเทนต์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป


1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ชัด

ทําไมสําคัญ ถ้าไม่รู้ว่าใครคือ คนฟังคอนเทนต์ก็จะพูดไม่ตรงจุด

ลองนึกถึงการพูดในห้องที่มีคนไม่รู้จักร้อยคน ถ้าคุณไม่รู้ว่าใครในห้องนั้นคือคนที่ต้องการฟังเรื่องของคุณจริงๆ คุณก็จะพูดกว้างไปหมด จนไม่มีใครรู้สึกว่าอันนี้พูดกับเรา

ในโลกของคอนเทนต์ก็เหมือนกัน การโพสต์แบบไม่เจาะจงจะทําให้คนดูเลื่อนผ่าน เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณพูดกับใคร แต่ถ้าคุณรู้ว่ากําลังพูดกับ พ่อแม่ที่มีลูกวัยอนุบาลและห่วงเรื่องพัฒนาการคุณจะเลือกคํา พาดหัว นํ้าเสียง และหัวข้อที่ตรงใจมากขึ้นกับกลุ่มคนดังกล่าวทันที

เมื่อสื่อสารถึงพวกเขาได้ดีขึ้น ก็ย่อมช่วยให้คนหยุดดู โพสต์มีคนอ่านจนจบ และพร้อมกด Like กดแชร์ หรือแม้แต่ทักมาหาคุณ เพราะเขารู้สึกว่า โพสต์นี้พูดกับฉันเลย

ลองทํา

  • ระบุว่า ใครคือลูกค้าของคุณหรือคนที่คุณอยากสื่อสารด้วย เช่น พ่อแม่ที่มีลูกวัย 3–10 ปี และห่วง เรื่องภูมิคุ้มกันและเรื่องสุขภาพ
  • list ปัญหา ความกังวล หรือคําถามที่เขามักมี เช่น ลูกไม่ค่อยกินผัก” “ติดหวาน”“ป่วยบ่อยช่วงเปิดเทอม
  • ลองคุยกับลูกค้าจริง หรือเข้าไปอ่านคอมเม้นต์ของพ่อแม่ใน Facebook Group

2. ตั้งเป้าหมายให้ชัด

ทําไมสําคัญ คุณจะรู้ว่าคอนเท้นต์ที่ทําอยู่ช่วยอะไรกับธุรกิจ และวัดผลได้จริง

การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนก่อนเริ่มทําคอนเทนต์จะช่วยให้คุณรู้ว่าโพสต์นี้ทําไปเพื่ออะไร เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์ เพื่อเพิ่มคนแอดไลน์ หรือเพื่อกระตุ้นยอดขาย เมื่อรู้เป้าหมายชัด คุณก็จะวัดผลได้ว่าโพสต์นั้นเวิร์กหรือไม่ และควรปรับปรุงตรงไหนต่อ เช่น ถ้าเป้าคือให้คนสมัครทดลองเรียน แล้วมีคนคลิกลิงก์แต่ไม่กรอกฟอร์ม แสดงว่าเนื้อหาชวนคลิกดีแล้ว แต่หน้า Landing อาจยังต้องแก้ไข เป็นต้น

ลองทํา

  • ตัวอย่างเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น เพิ่มยอด DM ขอข้อมูลสินค้า”“เพิ่มคนคลิกดูสินค้าบน Shopee” “เพิ่มยอดคนเข้ากลุ่ม LINE OA”
  • ระบุกรอบเวลาของเป้าหมาย เช่น ใน 30 วัน อยากให้มียอดคลิก 300 ครั้ง

3. เลือกรูปแบบคอนเท้นต์และช่องทางให้เหมาะ

ทําไมสําคัญ ไม่ต้องทําทุกช่อง แค่ทําให้แม่นในช่องที่ลูกค้าอยู่ก็พอ

คุณไม่จําเป็นต้องฝืนเล่นครบทั้ง Facebook / TikTok /Instagram/YouTube/LINE และ Blog ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะถ้าคุณทําคนเดียวหรือมีแค่ทีมเล็กๆ

สามารถเริ่มแค่ช่องทางเดียวที่ลูกค้าของคุณใช้งานจริงในชีวิตประจําวัน เช่น ถ้าเขาชอบอ่านโพสต์ยาว อาจจะเหมาะกับคอนเท้นต์บน FB แต่ถ้าเป็นคนอายุน้อยลงมา อาจจะชอบดูคลิปสั้นๆ ในอารมณ์ของ TikTok

เมื่อรู้ว่าลูกค้าอยู่ตรงไหนให้ตั้งหลักที่นั่น ทําให้ดี ทําให้สม่ำเสมอ แล้วค่อยขยายไปช่องอื่นทีหลัง อย่ากระจายจนบาง เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะเหนื่อยก่อน และไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเลยสักที่เดียว

ลองทํา

  • ถ้ากลุ่มเป้าหมายใช้ Facebook บ่อย ให้โพสต์แบบภาพ พร้อมแคปชันให้ความรู้
  • ถ้าพ่อแม่ดูคลิปจากมือถือเยอะ ลองทําวิดีโอสั้น 15-30 วิ อธิบายเรื่องภูมิคุ้มกัน
  • ทําคอนเทนต์ให้หลากหลาย ทั้งรูปภาพ infographic คําถามยอดฮิต รีวิวลูกค้าจริง 

4. วางแผนล่วงหน้าด้วย Content calendar

ทําไมสําคัญ เพื่อให้คุณโพสต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่หลงประเด็น และไม่หมดไฟเร็ว

โพสต์อย่างสม่ำเสมอ เพราะความต่อเนื่องคือกุญแจของการสร้าง brand ในสายตาลูกค้า

โพสต์แบบมีจังหวะ เช่น สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะช่วยให้คนเห็นคุณบ่อยขึ้น จดจําแบรนด์ได้ และมีประโยชน์ต่อ algorithm

ไม่หลงประเด็น เพราะการไม่มีแผนทําให้เนื้อหาเบลอ พูดเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที ไม่ต่อเนื่อง

การวางแผนล่วงหน้า เช่น ทํา Content calendar ช่วยให้คุณมองภาพรวมได้ว่ากําลังสื่อสารเรื่องอะไรกับ ใคร และเชื่อมโยงกันตลอดทั้งเดือน

ไม่หมดไฟเร็ว เพราะคนเริ่มทําคอนเทนต์จํานวนมากหยุดทำ เพราะคิดไม่ออกว่าจะโพสต์อะไร

การวางแผนล่วงหน้าช่วยให้คุณมีไอเดียสํารองไว้ตลอด ไม่ต้องคิดสดทุกวัน ลดความเครียด และทําให้สนุกกับการทำคอนเทนต์มากขึ้น

ลองทํา

  • ใช้ Free tool อย่าง Google Sheet หรือ Notion เพื่อวางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้า ก่อนที่จะตั้งเวลาโพสบนช่องทางอื่นๆ เช่น Planner สําหรับ FB/IG
  • แบ่งเนื้อหาต่างๆ เป็นหมวด เช่น ความรู้เรื่องวิตามิน” “ตอบคําถามพ่อแม่” “เคสเด็กที่เปลี่ยนแปลงหลัง ทานต่อเนื่อง
  • วางโพสต์ล่วงหน้าอย่างน้อยสักสองสัปดาห์ เช่น วันจันทร์ให้ความรู้ วันพฤหัสโพสต์รีวิว วันอาทิตย์แชร์โปรโมชั่น
  • ผสมผสานระหว่างเนื้อหาที่ใช้ได้ตลอด และเนื้อหาตามเทศกาล จะทำให้สามารถจัดการคอนเท้นต์ได้น่าสนใจมากขึ้น

5. สร้างคอนเท้นต์ที่มีประโยชน์ ไม่ใช่แค่ขายของ

ทําไมสําคัญ ถ้าพ่อแม่รู้สึกว่าคุณช่วยเขาได้ เขาจะอยากรู้จักสินค้าคุณเอง

ยกตัวอย่างสําหรับพ่อแม่ การตัดสินใจซื้ออะไรให้ลูก ไม่ใช่แค่ราคาถูกหรือลดราคา แต่เขาต้องรู้สึกเชื่อใจก่อนว่า สิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาที่เขากังวลอยู่ได้จริง

ยิ่งคอนเทนต์ของคุณช่วยตอบคําถามที่เขามีในใจ หรือให้ข้อมูลที่เขากําลังหาอยู่ เขายิ่งรู้สึกว่าแบรนด์นี้น่าเชื่อถือ แบบไม่ต้องโฆษณาอะไรเยอะเลย

เมื่อคุณให้เขาก่อน ในรูปแบบของความรู้ ความเข้าใจ หรือแนวทางที่นําไปใช้ได้จริง เขาจะอยากรู้จัก สินค้าหรือบริการของคุณเอง โดยไม่ต้องยัดเยียดขาย

เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้มาขายของ แต่คุณมาช่วยแก้ปัญหาที่เขาคิดอยู่ทุกวัน

ลองทํา

  • ยกตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ลูกป่วยบ่อย เพราะภูมิคุ้มกันตํ่า?” “เสริมด้วยวิตามิน C + Zinc จะช่วย ให้ร่างกายต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น
  • ใช้คําที่พ่อแม่พูดในชีวิตจริง เช่น ไม่กินข้าวเลยค่ะ” “ลูกไม่ชอบกินยา
  • ใช้กฎ 80/20 หมายถึง 80% เป็นคอนเท้นต์ที่ให้คุณค่า และ 20% ขายของเบาๆ

6. ทําให้คนเห็นโพสต์ของคุณมากขึ้น

ทําไมสําคัญ คอนเท้นต์ดีแค่ไหนก็ไม่มีผล ถ้าไม่มีใครเห็น

ลองคิดดูว่า คุณทําข้าวกล่องอร่อยสุดๆ แต่ตั้งขายอยู่ในซอยลึกโดยไม่มีป้ายบอกทาง ต่อให้รสชาติดีแค่ไหน คนก็ไม่มีทางรู้จักคุณ คอนเทนต์ก็เหมือนกัน ไม่ใช่แค่ทําให้น่าอ่าน แต่ต้องทําให้คนหาเจอด้วย

เพราะเป้าหมายของคอนเทนต์ไม่ใช่แค่ทําให้เสร็จ แต่คือให้คนได้อ่าน ได้ดู และเกิดผลบางอย่าง เช่น เข้าใจมากขึ้น แชร์ต่อ หรือสนใจสินค้า คุณอาจตั้งใจเขียนโพสต์มาก ใช้คําสวย เล่าเรื่องดี แต่ถ้าไม่มีการกระจายคอนเทนต์อย่างถูกวิธี คนที่ควรเห็น ก็จะไม่เจอ และโอกาสที่ควรเกิดก็จะไม่เกิด

การไม่วางแผนช่องทางเผยแพร่ ก็เท่ากับเสียแรงเปล่า คอนเทนต์ที่ไม่ได้แชร์ ไม่ได้ติด SEO หรือไม่ได้ใช้ hashtag ที่เกี่ยวข้อง มักจะจมหายแม้จะเขียนดีแค่ไหนก็ตาม

ลองทํา

  • ใช้ hashtag ให้เหมาะ เช่น #ลูกไม่สบายบ่อยทําไงดี #วิตามินเด็ก #แม่มือใหม่
  • แชร์โพสต์ลง FB Group กลุ่มแม่ๆ หรือถามในโพสต์ว่า มีใครเคยเจอแบบนี้ไหม?”
  • ถ้าเป็นคลิป ให้ใช้คําเปิดคลิปที่สะดุดหู เช่น ลูกคุณติดหวานหรือเปล่า?”

7. สร้างความสัมพันธ์ให้แบรนด์น่ารักและน่าไว้ใจ

ทําไมสําคัญ พ่อแม่ซื้อของให้ลูกจากความเชื่อใจเป็นหลัก

เพราะสําหรับพ่อแม่ การซื้อของให้ลูกไม่ใช่แค่เรื่องราคา หรือ โปรโมชั่น แต่คือการเลือกสิ่งที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และรู้สึกว่าเรากําลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วิตามิน หรือคอร์สเรียน พ่อแม่มักไม่ตัดสินใจจากโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่ดูว่า “แบรนด์นี้น่าเชื่อถือไหม?” “มีคนเคยลองแล้วพูดว่ายังไง?” และ เขาเข้าใจความต้องการของลูกเราจริงหรือเปล่า?”

พ่อแม่จํานวนมากเลือกซื้อจากแบรนด์ที่พวกเขารู้สึกว่าไว้ใจได้ แม้จะไม่ได้ราคาถูกที่สุด เพราะความสบายใจของลูก สําคัญกว่าความคุ้มราคาในระยะสั้น ถ้าแบรนด์คุณทําให้พ่อแม่รู้สึกว่าเราห่วงลูกเขาเหมือนกัน พวกเขาจะจดจํา และกลับมาเลือกคุณซํ้า ไม่ใช่แค่ซื้อครั้งเดียวแล้วผ่านไป

ลองทํา

  • ตอบคอมเม้นต์ด้วยนํ้าเสียงจริงใจและเป็นกันเอง
  • แชร์ริวิวจากลูกค้าที่ให้ลูกทานแล้วสุขภาพดีขึ้น
  • ใช้ภาพเด็กจริง (ที่ได้รับอนุญาต) หรือภาพน่ารักเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

8. วัดผล และปรับให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ทําไมสําคัญ เพื่อไม่ทําคอนเทนต์แบบเดิมซํ้าๆ โดยไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่า

ถ้าทำคอนเท้นต์แบบไม่วัดผลเลย คุณอาจเสียเวลาทําโพสต์เดิมๆ ที่คนไม่สนใจ ไม่อ่าน หรือไม่รู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับตัวเอง และที่แย่กว่านั้นคือ คุณอาจพลาดโอกาสทองจากคอนเทนต์ที่เวิร์กจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าโพสต์ไหนควรทําซํ้าหรือขยายต่อยอด

การวัดผลจะช่วยให้คุณเห็นว่าอะไรควรทําต่อ และอะไรที่ควรเปลี่ยนแนวทาง

ลองทํา

  • ใช้ Facebook Page Insights หรือ Google Analytics เพื่อดูว่าโพสต์ไหนมีคนสนใจ
  • วัดจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย เช่น คนคลิกลิ้งก์เข้า Shopee เท่าไร หรือ คนกดแอ้ด LINE เพิ่มขึ้นเท่าไร
  • ลองเปรียบเทียบเนื้อหาแบบสาระจริงจัง vs โพสต์รีวิว ดูว่าแบบไหนพาให้คนตัดสินใจได้มากกว่า
  • สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวัดผลว่าคุ้มไหมเมื่อเทียบกับเวลาและเงินที่ลงทุนลงไป

BONUS สําหรับมือใหม่

เริ่มทีละน้อย ดีกว่ารีบแล้วหมดแรง

เริ่มทีละน้อย ดีกว่ารีบแล้วหมดแรง เริ่มจากโพสต์แค่ 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ ไม่จําเป็นต้องอัดคอนเท นต์ทุกวัน หลายคนเริ่มแบบทุ่มสุดแต่พอไม่มีเวลาก็หายไปเลย ความสมํ่าเสมอสําคัญกว่าโพสต์เยอะในช่วง สั้นๆ

เขียนให้เหมือนคุยกับเพื่อน

เขียนให้เหมือนคุยกับเพื่อน ไม่ต้องใช้คําสวยเว่อร์ แค่จริงใจและเข้าใจคนอ่าน ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ แบบ ที่คุณใช้พูดในชีวิตประจําวัน เช่น ลองดูสิ” “พ่อแม่เคยเจอแบบนี้ไหมเพราะคนอ่านจะรู้สึกว่าแบรนด์เข้าถึง ง่าย ไม่เป็นทางการเกินไป จนรู้สึกเหมือนโฆษณา

ใช้เครื่องมือฟรีช่วยให้ง่ายขึ้น

มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้การทํา content marketing นั้นง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายสิบเท่า คุณไม่จําเป็นต้องเก่ง Photoshop หรือมีทีมกราฟิก Canva ใช้ง่าย มีเทมเพลตให้เลือกเยอะ ส่วน Notion หรือ Google Sheets ก็ช่วยให้คุณวางแผนล่วงหน้าได้ โดยไม่ต้องจดใส่กระดาษ

ทําให้สมําเสมอ ดีกว่าทําให้เป๊ะทุกครั้ง

โพสต์ทุกสัปดาห์แบบไม่หาย ดีกว่าอัดทีเดียวแล้วหายไปสามเดือน ไม่ต้องรอให้สมบูรณ์แบบทุกโพสต์ก่อนจะกล้าโพสต์ เพราะสุดท้ายแล้วการโพสต์จริงสําคัญกว่าการคิดเยอะแต่ไม่กล้าลง ถ้าทําได้สม่ำเสมอ คนจะเริ่มจําคุณได้ และอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มก็จะเริ่มมองเห็นคุณมากขึ้นด้วย


ปิดท้าย

8 ขั้นตอนเริ่มทํา Content marketing ให้ได้ผล (แม้คุณเพิ่งจะเริ่มต้น)

 

Content marketing ไม่ใช่เรื่องของการโพสต์เยอะ หรือใช้คําสวยๆ แต่คือการเข้าใจลูกค้า แล้วค่อยๆ สื่อสารกับเขาในแบบที่เขาฟังแล้วรู้สึกว่าคุณเข้าใจฉันจริงๆ

ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่เก่ง ยังไม่พร้อม ยังไม่มีทีม ยังไม่มั่นใจ จําไว้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เก่งในวันนี้ ก็เริ่มจากศูนย์แบบเดียวกับคุณ ลองเริ่มจากการทำโพสต์แรกให้ตรงใจ เรียนรู้จาก feedback จริง แล้วพัฒนาไปทีละสัปดาห์ คุณไม่ต้องเป็นมืออาชีพตั้งแต่วันแรก

แต่ถ้าคุณสื่อสารด้วยความจริงใจ และทําอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเห็นผลลัพธ์เร็วเกินกว่าที่คิด ลองกลับไป ดูขั้นตอนในบทความนี้อีกครั้ง แล้วเลือกเริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุดสําหรับคุณวันนี้ โพสต์แรกอาจไม่เป๊ะ แต่เป๊ะไม่ได้ช่วยให้คนจําคุณได้ ความตั้งใจต่างหากที่ทําได้ และเมื่อคุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้น คอนเทนต์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

1

One thought on “8 ขั้นตอนทำ Content Marketing ให้ได้ผลจริง (ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็เริ่มได้)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

loader